dinsdag 5 augustus 2008

aya and rita gosh news



AYA AND RITA


ดึง "ศรีริต้า" เป็นพรีเซ็นเตอร์หวังยกระดับแบรนด์อิมเมจแพนราชเทวี "อิลีเซ่"ทุ่ม 100 ล้าน หันทำตลาดเชิงรุก อัดกิจกรรมแบบเต็มรูปแบบ หลังที่ผ่านมาเน้นการสร้างแบรนด์ ลอยัลตี้เป็นหลัก หวังสร้างการ เติบโตอย่างรวดเร็ว และขยายฐานลูกค้าใหม่ พร้อมดึง "ศรีริต้า เจนเซ่น" เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ สะท้อนภาพลักษณ์ของแบรนด์ เตรียมดำเนินการปรับเคาน์เตอร์อิลีเซ่ใหม่ แยกเคาน์เตอร์กับแพน หวังสร้างแบรนด์ อิมเมจให้ชัดเจน คาดสิ้นปีปิดยอดขายได้ 500 ล้าน นายพรชาย พิริยบรรเจิด กรรม การผู้จัดการ บริษัท แพน ราชเทวี กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องสำอางอิลีเซ่ เปิดเผยว่า หลังจากในปี 2550 ที่ผ่านมา บริษัทเน้นการทำตลาดด้วยการมุ่งสร้างแบรนด์ ลอยัลตี้เป็นหลัก โดยมุ่งให้ความคุ้มค่ากับลูกค้าไม่ว่าจะเป็นการออกสินค้าใหม่ หรือการทำโปรโมชั่น ทำให้แบรนด์จะไม่มีความเคลื่อนไหวทางการตลาดมากนักในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาดังนั้น ในปีนี้บริษัทจะเน้นการทำตลาดเชิงรุกมากขึ้น ภายใต้งบประมาณกว่า 100 ล้านบาท ด้วยการ ทำกิจกรรมแบบเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะการใช้กลยุทธ์อะเบิฟ เดอะ ไลน์ จากเดิมจะเน้นกลยุทธ์ บีโลว์ เดอะ ไลน์ เป็นหลัก เพื่อสร้างการรับรู้ต่อแบรนด์ กับผู้บริโภคเป็นวงกว้างมากขึ้น ประกอบกับบริษัทต้องการยกระดับแบรนด์อิมเมจของอิลีเซ่ให้มีความโดดเด่นและชัดเจน แม้ว่าจะเป็น ผลิตภัณฑ์โลคัลแบรนด์ หากมีคุณภาพ เทียบเท่ากับอินเตอร์แบรนด์บริษัทจึงได้เลือก ศรีริต้า เจนเซ่น ซึ่งเป็นนักแสดง และนางแบบแถวหน้าของเมืองไทยมาเป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์ให้กับเครื่องสำอาง อิลีเซ่ เพื่อเป็นตัวแทน และสะท้อน อิมเมจของอิลีเซ่ให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น รวมถึงเป็นการยกระดับแบรนด์อิมเมจ ด้วยการนำอิมเมจของศรีริต้ามาช่วยในการเทียบเคียงกับแบรนด์อิลีเซ่ในใจของลูกค้า ซึ่งถือ เป็นการเปลี่ยนจากผู้มองเป็นผู้ถูกมอง ภายใต้คอนเซปต์ "Inspiration"ที่เลือกศรีริต้ามาเป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์ให้กับอิลีเซ่ เนื่องจากศรีริต้ามีความเหมาะสมกับแบรนด์ ที่เป็นของคนไทย แต่มีความเป็น อินเตอร์ และสามารถตอบโจทย์ได้ทุกข้อ ไม่ว่าจะเป็นด้านบุคลิกภาพ ภาพพจน์ และการยอมรับในวงสังคม เหมือนกับอิลีเซ่ที่เป็นสินค้าที่จะช่วยเสริมบุคลิกภาพ ความสวยของผู้หญิง ที่ต้องการจะสวยแบบศรีริต้าได้ เป็น การเชื่อมโยง หรือสื่อถึงโปรดักต์ได้ง่าย จึงได้เลือกใช้พรีเซ็นเตอร์ นายพรชาย กล่าวต่อว่า ทำให้ในปีนี้บริษัทจะโฆษณาผ่านทางสื่อต่างๆ โดยเฉพาะทีวี และนิตยสารมาก ขึ้น เพื่อสร้างการรับรู้และเข้าถึงผู้บริโภคเป้าหมายมากที่สุด ตลอดจนจะมีการจัดกิจกรรมโรดโชว์ไปตามสถานที่ต่างๆที่เป็นเป้าหมาย แบ่งเป็น ในกรุงเทพฯ 10 จุด และตามหัวเมือง ใหญ่ 5 จุด หลังจากที่ได้มีการเปิดตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์อย่างเป็นทางการในวันที่ 20 มิถุนายน 2551 เป็นเพราะบริษัทมองว่าจะสร้างแบรนด์ ลอยัลตี้กับฐานลูกค้าอย่างเดียวไม่ได้ เพราะในปี 2550 ที่ผ่านมา ยอดขายของอิลีเซ่เติบโตเพียง 10% เท่านั้น จึงต้องมีการขยายฐานลูกค้าใหม่ ด้วยการเปิดตัวแบรนด์ แอมบาสเดอร์ และทำการตลาดในเชิง รุกมากขึ้น เพราะบริษัทต้องการให้ยอดขายเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายอิลีเซ่เติบโต กว่า 50% ประกอบกับในปัจจุบันผู้บริโภคเดินห้างสรรพสินค้า หรือศูนย์ การค้าน้อยลง ทำให้ไม่สามารถกระตุ้นการเติบโตของยอดขายอิลีเซ่ได้มากนัก จึงต้องอาศัยช่องทางอื่นๆ อาทิ การโฆษณานอกจากนี้ บริษัทจะทำตลาดเชิงรุก ด้วยการสร้างอิมเมจของอิลีเซ่ ให้มีความชัดเจนมากขึ้น ด้วยการแยก เคาน์เตอร์แพน กับอิลีเซ่ออกจากกัน เพื่อไม่ให้ลูกค้ามองว่าอิลีเซ่เป็นเคาน์เตอร์ของแพน เพราะคอนเซปต์ ของทั้ง 2 แบรนด์จะแตกต่างกันอย่าง ชัดเจน โดยแพนจะเน้นไปที่การรักษามากกว่า ขณะที่อิลีเซ่จะเน้นการดูแลผิวควบคู่ไปกับความสวยงาม ปัจจุบันจะมีอยู่ประมาณ 40 จุดที่แยกเคาน์เตอร์แพนออกจากอิลีเซ่ จากทั้งหมด 200 จุดที่อยู่รวมกัน ทั้งนี้ อยู่ในระหว่างการดำเนินการปรับเคาน์เตอร์อยู่ โดยดูว่าเคาน์เตอร์ที่อยู่ในศูนย์การค้าแต่ละแห่งนั้นจะเหมาะกับแบรนด์ไหน ระหว่างอิลีเซ่ และแพน ตลอดจนในช่วงไตรมาส 4 บริษัทเตรียมจะลอนช์ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ เพื่อให้ไลน์สินค้ามีความครอบคลุมมากยิ่งขึ้น เพราะถือเป็นความจำเป็น เนื่องจากโอกาส ที่ลูกค้าสวิสแบรนด์จะเป็นไปได้ง่าย โดยต่อจากนี้ภาพของแพน จะมีความเป็นแมสมากขึ้น ขณะที่ อิลีเซ่จะมีความเป็นเคาน์เตอร์แบรนด์ มากกว่า เพราะการวางตำแหน่งของ แต่ละแบรนด์ให้มีความเหมาะสมกับแต่ละช่องทาง ถือเป็นการเพิ่มศักยภาพของแบรนด์ในการทำตลาดได้อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับการทำกลยุทธ์ ซีอาร์เอ็ม และอีอาร์เอ็ม เพื่อสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เป็น การสร้างแบรนด์ลอยัลตี้กับแบรนด์ อิลีเซ่ นอกเหนือไปจากการทำเดโม่กิจกรรม ณ จุดขายในเคาน์เตอร์, การทำโรดโชว์, เวิร์กช็อป และงานแท้งกิ้ว ปาร์ตี้ เพื่อให้ลูกค้าได้เกิด การทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ และทรีตเมนต์ทำให้คาดว่าในปีนี้บริษัทจะสามารถสร้างยอดขายของอิลีเซ่ในปีนี้ได้ประมาณ 500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 50% และเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดได้ไม่น้อยกว่า 10% แม้ว่าภาพรวมของธุรกิจเครื่องสำอาง และการแข่งขันในปีนี้ จะมีการเติบโต ขึ้น แต่ไม่เท่ากับในปีที่ผ่านมาก็ตาม ซึ่งมีผลกระทบมาจากภาวะเศรษฐกิจ โดยรวมทั้งหมดของประเทศ โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มเมกอัพ เพราะบริษัทมีความมั่นใจในจุดเด่นของ อิลีเซ่ที่มีมอยซ์เจอร์ อัพ ทำให้สามารถ ให้ความชุ่มชื้นกับผิวควบคู่ไปกับการแต่งแต้มให้สวยงาม

Geen opmerkingen: